การประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. โดยมี พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์, ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เป็นประธาน ณ โรงแรมโซฟีเทล จังหวัดกระบี่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศรชล.ภาค 3 ที่มีความยาว ตลอดแนว ชายฝั่งอันตามัน มากกว่า 300 ไมส์ทะเล ประกอบด้วย 6 จังหวัดชายทะเล ได้แก่ จังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ และจังหวัดสตูล 

โดยมีเนื้อหาที่สำคัญ ดังนี้ การรายงานผลการปฏิบ"ติตามนโยบายของ รอง ผอ.ศรชล./ผบ.ทร. ในรอบปี พ.ศ.2566 ที่สำคัญประกอบด้วย การอนุมัติเครื่องแบบปฏิบัติงาน ศรชล. การพัฒนาความสัมพันธ์กับหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ การบังคับใช้กฎหมายทางทะเลระหว่างประเทศ การพัฒนา แนวทางการประชาสัมพันธ์ และการสร้างความตระหนักรู้ ให้สำนักงานศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัด กำหนดรูปแบบอาคารปฏิบัติงานให้เป็นมาตรฐาน การยกระดับการปฏิบัติงานต่างๆให้มีมาตรฐานสากล รวมถึงการยกระดับการปฏิบัติงานในด้านการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล การเตรียมความพร้อมในการรองรับแผนการขจัดคราบน้ำมันและมลพิษทางน้ำ ทั้งนี้ นโยบายด้านธุรการ ด้านกำลังพล ด้านนโบายและแผ่น ด้านส่งกำลังบำรุง พร้อมทั้งนโยบายด้านการบังคับใช้ กฎหมายในภาพรวมให้เป็นไปตามแผนงาน ตัวชี้วัด และเป้าหมายที่กำหนด โดยในปีนี้ มีผลงานระดับภูมิภาคที่สำคัญ คือ ศรชล. ได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับหน่วยยามฝั่งสหรัฐอเมริกา จัดการประชุมผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยงานยามฝั่งในภูมิภาค ตามกรอบ ความริเริ่มของการบังคับใช้กฎหมายทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Maritime Law Enforcement Initiative) ภายใต้รหัส SEAMLEI ครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่ 11 ถึง 14 กรกฎาคม 2566 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและความปลอดภัยทางทะเลร่วมกับหน่วยบังคับใช้กฎหมายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้แทนหน่วยงานรักษาความมั่นคงทางทะเลจากมาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเชีย ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา โดยมีการอภิปรายและหารือเกี่ยวกับประเด็นที่สำคัญในระดับที่สูงขึ้น ได้แก่ การพิจารณากำหนดระเบียบปฏิบัติงาน (Standard Operating Procedure : SOP) และขั้นตอนการอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบการกำหนดข้อมูลด้านขีดความสามารถทางการยุทธการการวางแผนกลไกที่จำเป็นต่อความร่วมมือแบบพหุภาคี การปรึกษาหารือประจำปี รวมทั้งการกำหนดให้หน่วยยามฝั่งเวียดนามเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2567 และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเลของอินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2568 ทั้งนี้ สรุปโดยภาพรวมแล้ว ผลการปฏิบัติงานทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จึงขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุน และเป็นกระบอกเสียง ให้กับ ศรชล. ด้วยดีตลอดมา